หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

2379 BBIK


บลูบิค ชูกำไร Q4/67 ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แตะ 108 ล้านบาท โต 22% (YoY) เดินหน้าทำนิวไฮปี 68 เชื่อโตแกร่งมากกว่า 20% รับเทรนด์ AI Transformation ขาขึ้น

          บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ครบวงจร เผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 มีกำไรสุทธิแตะระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่รายได้อยู่ที่ 409 ล้านบาท เติบโต 10% (YoY) ซึ่งเป็นผลจากภาคธุรกิจกลับมาลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ทั้งในภาคการท่องเที่ยว การบริโภคของภาคเอกชน รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น 

          สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน และมีรายได้ 1,507 ล้านบาท เติบโต 15% (YoY) ขณะที่มูลค่าแบ็คล็อค (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567) อยู่ที่ 983 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานจากบริษัทแม่และบริษัทย่อย 842 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมทุน 141 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยมากกว่า 669 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมทุนทั้งหมด ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 - 2572 

          นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.22 บาทต่อหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมดจำนวน 200,015,474 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 44,003,404 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของกำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการ หลังหักสำรองตามกฎหมาย ในส่วนของกำไรสุทธิที่เหลือจะใช้เพื่อชำระค่าหุ้นงวดสุดท้ายของบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด และสำรองเงินสดสำหรับเงินทุนหมุนเวียนที่อาจเพิ่มขึ้น สอดรับกับเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงรักษาสภาพคล่อง ลดภาระการกู้ยืมเงินและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน เพื่อให้อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2568 และกำหนด ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568

 

2379 BBIK Pochara

 

          นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า AI Transformation เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้การลงทุนด้านเทคโนโลยีเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมีการปรับกลยุทธ์การให้บริการโดยนำ AI เป็นแกนกลางผสานกับทุกบริการหลัก (AI-Led Integrated Services) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการยกระดับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยกลยุทธ์และเทคโนโลยี (Enterprise Transformation) แบบครบวงจร จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวนี้ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2568 จะสามารถเติบโตมากกว่า 20% 

          “นับจากปี 2568 องค์กรธุรกิจจะประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกระแส AI Transformation ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนผ่านมูลค่าตลาด AI ทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 243,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 เป็น 826,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 28% (CAGR) (ข้อมูลจาก Statista) ผลจากแนวโน้มนี้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่ากลยุทธ์ AI-Led Integrated Services สอดรับกับทิศทางของตลาด และยังเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากการขยายการให้บริการ ด้านอื่นๆ เนื่องจากการขับเคลื่อนโครงการ AI Transformation ให้ประสบความสำเร็จนั้น องค์กรธุรกิจต้องดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและข้อมูล การพัฒนาโมเดล AI ขั้นสูงและแอปพลิเคชัน ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” นายพชร กล่าว 

          นอกจากกระแส AI Transformation ที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่จะสนับสนุนการเติบโตของ BBIK ได้แก่ 

          1) การลงทุนด้าน Data Center ในประเทศไทย จากบริษัทชั้นนำระดับโลก 

          2) แผนการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งแบ่งส่วนความรับผิดชอบระหว่างผู้ให้บริการโทรคมนาคม แพลตฟอร์ม และสถาบันการเงิน 

          3) การประกาศรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank ในช่วงกลางปี 2568 

          4) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือครองหุ้น 100% ในบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 

          สำหรับแผนการรองรับการเติบโตและการรับงานขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯ ยังเดินหน้าบูรณาการการทำงานอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง 

          “ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมากขึ้น โดยนอกจากบริษัท ขนาดใหญ่แล้ว ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กก็เริ่มนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการดำเนินงานอย่างจริงจัง ยิ่งเทคโนโลยีมีความทันสมัยและซับซ้อนมากขึ้นเท่าใด การลงทุนก็ต้องพิจารณาในหลายมิติมากขึ้น อาทิ ความสามารถ ในการรองรับการขยายตัวด้านดิจิทัลในอนาคต การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เป็นต้น จากปัจจัยหนุนเหล่านี้ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้งการย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปีนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจและดึงดูดนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย” นายพชร กล่าวทิ้งท้าย 

          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group

 

 

2379

Click Donate Support Web 

PTG 720x100

MTI 720x100

Banner GPF720x100 PXTOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxAXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!