ดัชนีราคาส่งออก มี.ค.68 ลด 0.6% เจอน้ำมัน ข้าว มันฉุด ดัชนีนำเข้าลดด้วย 2.8%
สนค.เผยดัชนีราคาส่งออก มี.ค.68 ลด 0.6% เหตุส่งออกน้ำมัน ข้าว มันสำปะหลังได้ลดลง แต่ทองคำ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารสัตว์ อาหารทะเลกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง เพิ่มตามความต้องการที่สูงขึ้น ส่วนดัชนีนำเข้า ลด 2.8% จากการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงลด แต่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ทุน วัตถุดิบ เพิ่มขึ้น คาดไตรมาส 2 ยังคงชะลอตัวลง หลังเศรษฐกิจโลกชะลอ ความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสหรัฐฯ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเดือน มี.ค.2568 เท่ากับ 111.0 ลดลง 0.6% ขยายตัวชะลอลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยหลักจากราคาสินค้าเกษตรบางกลุ่มปรับลดลง จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง
และส่งผลให้สินค้าเกี่ยวเนื่องลดลงตามไปด้วย แต่ก็มีหลายสินค้าที่ส่งออกเพิ่ม จากการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เท่ากับ 114.3 ลดลง 2.8% เป็นผลจากราคาสินค้าเชื้อเพลิงลดลงเป็นสำคัญ แต่กลุ่มสินค้าทุน วัตถุดิบ และอุปโภคบริโภค ยังขยายตัวตามความต้องการใช้ภายในประเทศและส่งออก
สำหรับ รายละเอียดดัชนีราคาส่งออกที่ลดลง มาจากการหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลด 10.1% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลด 2.9% ได้แก่ ข้าว ตามภาวะอุปทานส่วนเกิน จากสต็อกข้าวโลกที่อยู่ในระดับสูง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการในตลาดจีนมีแนวโน้มลดลง
ส่วนหมวดสินค้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 1.5% ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก สำหรับเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดต่างประเทศ และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 1.3% ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ตามจำนวนการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ตามความนิยมอาหารพร้อมรับประทาน ซึ่งมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน
ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าที่ลดลง มาจากหมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลด 6.1% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลจากอุปทานส่วนเกินและความต้องการที่ชะลอตัว หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีบางสินค้าราคาสูงขึ้น คือ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อใช้ในการผลิตและส่งออกของประเทศ แต่รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ลดลงตามความต้องการที่ชะลอลง ประกอบกับมีการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกในตลาดโลก
ส่วนหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่ม 8.1% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ ตามความต้องการเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ หมวดสินค้าทุน เพิ่ม 4.6% ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมดิจิทัล การปรับโครงสร้างการผลิต และการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่ม 4.5%
โดยเฉพาะทองคำ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น สำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า ตามความต้องการเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการนำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้า ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวชะลอลง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2568 เนื่องจากสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าขยายตัว ได้แก่ ฐานราคาปี 2567 ในช่วงครึ่งปีแรก ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2568 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังขยายตัวได้ดี และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรลดลง จากปัญหาอุปทานส่วนเกิน การแข่งขันทางด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น และความผันผวนของเงินบาท
พิชัย ประกาศส่งออกไทยเดือนมีนาคมสูงสุดในประวัติศาสตร์ โตทะลุ 17.8% ดันไตรมาสแรกปี 68 โต 15.2%
ณ กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม 2568 โดยระบุว่า การส่งออกของไทยขยายตัวสูงถึง 17.8% คิดเป็นมูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทย
สำหรับ ไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม–มีนาคม) การส่งออกขยายตัว 15.2% รวมมูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในแต่ละเดือนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มกราคม 13.6%, กุมภาพันธ์ 14% และมีนาคม 17.8% ส่งผลให้ไทยมี ดุลการค้าเกินดุล 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี
นายพิชัย กล่าวว่า นับตั้งแต่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว การส่งออกไทยขยายตัวต่อเนื่องทุกเดือน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.9% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน
“การเติบโตไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมตลาดอื่น ๆ ด้วย แม้ในเดือนถัดไปอาจมีผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ แต่เชื่อมั่นว่ายังสามารถขยายตัวเป็นบวกได้ ด้วยความร่วมมือของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน”นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เชิญชวนสื่อมวลชนและภาคเอกชนร่วมรับฟัง สัมมนา “ถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ โอกาสสู่การค้ายุคใหม่” ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) ถนนรัชดาภิเษก เพื่อวิเคราะห์โอกาสของไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจเป็นโอกาสให้สินค้าของไทยเข้าไปแทนที่สินค้าในตลาดโลก
. “อย่าคิดว่า เป็นวิกฤตอย่างเดียว ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และเรายังเดินหน้าต่อไปได้” นายพิชัยกล่าว
#สนค #สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า #TPSO #กระทรวงพาณิชย์ #MOCThailand #MOC #ข่าวเศรษฐกิจ
.💾 ข้อมูลฉบับเต็ม: https://www.tpso.go.th/document/2504-0000000017
🙏 ขอบคุณข้อมูล: กองยุทธศาสตร์การพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน (พข.)
.ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่
📌 LINE: @TPSO.tradeinsights
📌 Website : tpso.go.th