: ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน 
นี่คือ สิ่งที่ภาษีศุลกากรต่อแคนาดา จีน และเม็กซิโกอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคชาวสหรัฐอเมริกา
CNBC USA Personal Finance : Greg Iacurci @GregIacurci
จุดสำคัญ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25 เปอร์เซ็นต์ และภาษีนำเข้าจากจีน 10 เปอร์เซ็นต์ เริ่มตั้งแต่วันเสาร์นี้ ทำเนียบขาวกล่าว
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าภาษีศุลกากรน่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ภาษีศุลกากรเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งชำระโดยธุรกิจในสหรัฐฯ ที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ธุรกิจเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งต่อต้นทุนเหล่านี้ไปยังลูกค้า
President Donald Trump on Jan. 27, 2025 in Doral, Florida.
Joe Raedle | Getty Images News | Getty Images
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หารือหลายครั้งเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีศุลกากรทั้งในช่วงหาเสียงและหลังจากเข้ารับตำแหน่ง รวมถึงภาษีงวดแรกสำหรับสินค้าจากแคนาดา จีน และเม็กซิโกซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ซึ่งทำเนียบขาวได้ยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ ผ่านมา
แม้ว่า จะยังมีสิ่งที่ไม่รู้บางประการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯควรเตรียมรับมือกับผลกระทบทางการเงินเชิงลบ
Mary Lovely ซึ่งเป็นนักวิจัยอาวุโสแห่ง Peterson Institute for International Economics ซึ่งมีการวิจัยเฉพาะด้านการค้ากับจีนและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก กล่าวว่า’การจะมองหาข้อดี’จากภาษีนั้นเป็นเรื่องยาก
ทรัมป์ วางแผนที่จะเรียกเก็บภาษี 25 เปอร์เซ็นต์จากเม็กซิโกและแคนาดา และภาษี 10 เปอร์เซ็นต์จากจีน แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันศุกร์
จีน เม็กซิโก และแคนาดาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ 3 ราย ของสหรัฐฯ เมื่อวัดจากสินค้านำเข้า โดยจีน ส่งออก สินค้าให้สหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 536,000 ล้านดอลลาร์ 455,000 ล้านดอลลาร์ และ 437,000 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ในปี 2022 ตามข้อมูลของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
ภาษีศุลกากรเป็นภาษีที่จัดเก็บจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ธุรกิจในสหรัฐฯ ที่นำเข้าสินค้าจะต้องจ่ายภาษีดังกล่าวให้กับรัฐบาลกลาง
ธุรกิจจำนวนมากจะโยนต้นทุนส่วนเกินเหล่านี้ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมภาษีศุลกากรจึงมักทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายราคาสูงขึ้น นักเศรษฐศาสตร์กล่าว
“ส่วนหนึ่งของภาษีเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค”เลิฟลี่กล่าว
นอกจากนี้ คนอเมริกันยังอาจพบว่าพวกเขามีตัวเลือกน้อยลงสำหรับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่วางขายบนชั้นวางของในร้าน เธอกล่าว
การยกเว้นอาจ ‘จำกัดความเสียหาย’ให้กับผู้บริโภค
ยังมีเครื่องหมายคำถามมากมายเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแคนาดา จีน และเม็กซิโก
ตัวอย่างเช่น ยังไม่ชัดเจนว่าสินค้านำเข้าใดจะได้รับการยกเว้นหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ทรัมป์เสนอเมื่อคืนวันพฤหัสบดีว่าน้ำมันของแคนาดาอาจได้รับการยกเว้นทำเนียบขาวกล่าวว่าภาษีศุลกากรจะเปิดให้สาธารณชนตรวจสอบได้ในวันเสาร์
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวกับ CNBC เมื่อเช้าวันศุกร์ว่า การหารือเกี่ยวกับรายละเอียดเฉพาะดังกล่าว 'ยังคงดำเนินต่อไป'
‘มักจะมีข้อยกเว้นและการยกเว้นอยู่เสมอ’มาร์ก แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ส์กล่าว
แซนดี กล่าวว่า ทรัมป์ อาจพยายาม’จำกัดความเสียหายต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ’ผ่านการยกเว้นดังกล่าว ตัวอย่างเช่น เขาสามารถเลือกที่จะไม่เรียกเก็บภาษีกับเสื้อผ้าจากจีน อะโวคาโดจากเม็กซิโก หรือชีสจากควิเบกได้ เขากล่าว
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
ทำเนียบขาวกล่าวว่า ภาษีศุลกากรและแผนงานเศรษฐกิจโดยรวมของทรัมป์จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
โฆษกทำเนียบขาว คูช เดไซ กล่าวว่าภาษีศุลกากรที่ทรัมป์กำหนดในวาระแรกของเขา ร่วมกับการลดหย่อนภาษี การยกเลิกกฎระเบียบ และนโยบายด้านพลังงาน“ส่งผลให้เกิดการเติบโตของการจ้างงาน ค่าจ้าง และการลงทุนในระดับประวัติศาสตร์ โดยไม่มีภาวะเงินเฟ้อ” และว่าในวาระที่สอง ทรัมป์จะใช้ภาษีศุลกากรเพื่อ “นำพาการเติบโตและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่อุตสาหกรรมและคนงานชาวอเมริกันในยุคใหม่”
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ไม่เห็นด้วย
คณะกรรมการเพื่องบประมาณของรัฐบาลกลางที่รับผิดชอบประมาณการ ว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรระหว่างแคนาดาและเม็กซิโก 25% และการจัดเก็บภาษีศุลกากรระหว่างจีน 10% จะสร้างรายได้สุทธิได้ประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์จนถึงปี 2035 รายได้ดัง กล่าวอาจนำไปใช้ชดเชยต้นทุนการลดหย่อนภาษีบางส่วน ซึ่งแพ็คเกจนี้อาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีน 10 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ หดตัวลง 55,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงวาระที่สองของรัฐบาลทรัมป์ โดยถือว่าจีนตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้าของตนเอง ตามการวิเคราะห์ของ Warwick McKibbin และ Marcus Noland นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Peterson Institute for International Economics
พวกเขาพบว่า ภาษี 25 เปอร์เซ็นต์กับเม็กซิโก และแคนาดาจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ ลดลง 200,000 ล้านดอลลาร์
ลงทะเบียนรับจดหมาย
ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะมีภาษีศุลกากรเพิ่มเติมในอนาคต
ในช่วงการหาเสียง ทรัมป์ได้เสนอภาษีศุลกากรสากล 10 เปอร์เซ็นต์หรือ 20 เปอร์เซ็นต์สำหรับการนำเข้าทั้งหมด และภาษีอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้าจากจีน เป็นต้น
ภาษีศุลกากรทั่วโลก 20% และการจัดเก็บภาษีสินค้าจีน 60% จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 3,000 ดอลลาร์ในปี 2568 สำหรับครัวเรือนโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ ตามการวิเคราะห์ของ Tax Policy Center ในเดือนตุลาคม
“ภาษีศุลกากรที่ครอบคลุมทุกด้านและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถกเถียงกัน” ซานดิกล่าว “ภาษีศุลกากรจะก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ว่าจะสร้างความเสียหายมากเพียงใดและกับใคร”
ภาษีศุลกากรอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างไร
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าผู้บริโภคสามารถชำระภาษีได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
Zandi กล่าวว่า ภาษีศุลกากรต่อจีนน่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคมากที่สุด เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ที่จีนส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า ของเล่น และเครื่องใช้ไฟฟ้า
จีนเป็น ‘ซัพพลายเออร์รายใหญ่’ในด้านของเล่นและอุปกรณ์กีฬาให้กับสหรัฐฯ และจัดหาสินค้ารองเท้า 40% และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอ 25% ตามการวิเคราะห์ ล่าสุด ของนักเศรษฐศาสตร์ของ PIIE
ภาษีนำเข้าของเม็กซิโกและแคนาดายังจะ 'เพิ่มแรงกดดันให้ราคาอาหารสูงขึ้น' ตาม ที่นักเศรษฐศาสตร์ของ PIIE กล่าว
ประเทศเหล่านี้เป็นแหล่งสำคัญของผัก โดยคิดเป็น 47% ของการนำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ และอาหารสำเร็จรูปคิดเป็น 42% อุปกรณ์และเครื่องจักรขนส่ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเชื้อเพลิงเป็นภาคส่วนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
“สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบประมาณร้อยละ 40 โดยมีแคนาดาเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่” นายไนเจล กรีน ซีอีโอของ deVere Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวในแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร
“หากราคาน้ำมันถูกเรียกเก็บภาษี ผลกระทบดังกล่าวอาจส่งผลต่อตลาดพลังงาน และส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจและผู้บริโภคสูงขึ้น”กรีนเขียน
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตพลังงานในประเทศ ผู้ผลิตบางรายในสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมอื่นๆ “อาจได้รับผลกำไรในระยะสั้นจากการแข่งขันที่ลดลง”เขากล่าวเสริม
โดยทางอ้อม ผู้ผลิตในสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นราคาเนื่องจากเผชิญกับการแข่งขันจากต่างประเทศน้อยลงสำหรับสินค้าบางประเภท Lydia Cox ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน กล่าวระหว่างการสัมมนาผ่านเว็บเมื่อเร็วๆ นี้
ค็อกซ์ กล่าวว่า บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่ใช้สินค้าที่เรียกเก็บภาษีศุลกากรในการผลิตสินค้าอาจปรับขึ้นราคาสินค้าปลายน้ำด้วย ตัวอย่างเช่น ภาษีศุลกากรเหล็กอาจทำให้ราคารถยนต์เครื่องจักรหนัก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้เหล็ก สูงขึ้น
ภาษีศุลกากร ‘สร้างความเสียหายมากมาย’
นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ อาจตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีศุลกากรเพื่อตอบโต้ ซึ่งจะทำให้เกิดสงครามการค้า ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ สูญเสียยอดขายในต่างประเทศได้ เธอกล่าว
นักเศรษฐศาสตร์ของ PIIE เขียนไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า″ไม่เหมือนแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งการตอบโต้เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ จีนเคยตอบโต้มาแล้วในอดีตและอาจจะตอบโต้อีก”
นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้น ภาษีศุลกากรอาจมีผลที่ไม่ได้ตั้งใจในการทำลายงาน
ความสามารถของภาษีศุลกากรในการสร้างงานให้กับสหรัฐฯ นั้น ”ถูกกล่าวเกินจริงไปมาก” Lovely จาก PIIE กล่าว
ยกตัวอย่างเช่นเหล็ก มีคนงาน 80 คนในอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบสำหรับงานหนึ่งงานที่ผลิตเหล็ก ค็อกซ์พบในรายงานล่าสุด
ภาษีศุลกากรสร้าง ‘ความเสียหายเพิ่มเติมมากมายตลอดเส้นทาง’ซึ่งเป็นสาเหตุที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนไม่ให้ใช้ในวงกว้าง ค็อกซ์กล่าว
https://www.cnbc.com/2025/01/31/how-tariffs-on-canada-china-and-mexico-may-impact-us-consumers.html
